การก่อสร้างอาคารหรือบ้านสักหลัง ในฐานะผู้เป็นเจ้าของย่อมเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ดีที่สุด สำหรับทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่รูปแบบโดยรวม สไตล์การตกแต่ง ไปจนถึงวัสดุต่างๆ แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน คือการควบคุมให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เลือกหรือสเปคไว้

การสเปควัสดุสำหรับงานโครงสร้าง งานโครงสร้างมีความสำคัญต่อความแข็งแรงมั่นคงของอาคาร นับตั้งแต่ฐานราก พื้น คาน เสา บันได ผนัง และหลังคา ต้องได้รับการออกแบบและคำนวณจากวิศวกร การเลือกใช้วัสดุ เช่น เสาเข็ม ปูนซีเมนต์ เหล็ก วัสดุก่อผนัง โครงหลังคา กระเบื้องหลังคา ต้องเหมาะสมและมีการควบคุมให้เป็นไปตามสเปคอย่างเคร่งครัด

การสเปควัสดุก่อผนัง ผนังเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างที่จะทำให้บ้านหรืออาคารคงรูปมั่นคงอยู่ได้ และยังมีหน้าที่เสริมอื่นๆ เช่น กันความร้อน กันเสียง การเลือกใช้วัสดุก่อผนังจึงต้องคำนึงถึงเรื่องความแข็งแรงทนทาน และคุณสมบัติอื่นประกอบกันไป ปัจจุบันมีการเลือกใช้อิฐมวลเบาแทนการใช้อิฐมอญกันอย่างแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติกันความร้อนได้ดี ทำให้บ้านเย็นสบาย และช่วยประหยัดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศ

การสเปคอิฐมวลเบา แม้อิฐมวลเบาทั่วไปจะมีคุณสมบัติกันความร้อนได้เช่นเดียวกัน แต่เรื่องความหนานั้นสำคัญอย่างยิ่ง อิฐมวลเบาคิวคอนความหนา 7.5 ซม. สามารถกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมวลเบา 7 ซม.ที่บางกว่า แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่มีผลต่อประสิทธิภาพการกันความร้อน และการประหยัดค่าไฟในระยะยาวอย่างมาก การสเปคอิฐมวลเบา จึงควรเจาะจงความหนา 7.5 ซม.ไว้แต่แรก
 
การลดสเปค ลดความหนาของอิฐมวลเบา เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง อาจดูจูงใจ แต่จริงๆแล้วกลับทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการซื้อปูนฉาบมากขึ้น เพื่อทดแทนความหนาที่หายไปครึ่ง ซม. ซึ่งเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งถือว่าไม่คุ้มค่าเลย และในระยะยาวการผิดจากสเปคความหนา 7.5 ซม.เพียงเล็กน้อย นั่นอาจหมายถึงค่าไฟมหาศาลในอนาคตได้เลยทีเดียว!